Follow Us

Top
Image Alt

ทำความรู้จัก 3 Seattle College Washington

เปิดสอนหลักสูตร 2+2 University Transfer และ High School Computer

✅ 3 วิทยาเขตทั่วเมืองซีแอดเทิล
✅ ค่าเทอมเริ่มต้นเพียง $9,990  ต่อปี
✅ มีหลักสูตรปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ
✅ มีหลักสูตรให้เลือกมากกว่า 130+ หลักสูตร

ปีการศึกษา

Winter 
January – Late March
General Deadline: Late November
Transfer Deadline: Late December
Spring 
April – Mid June
General Deadline: Late Frebuary
Transfer Deadline: Late March
เทอม SUMMER 
Late June  – Mid August
General Deadline: Late May
Transfer Deadline: Mid June
เทอม FALL 
Late September – Mid December
General Deadline: Late August
Transfer Deadline: Mid September

ทำไมต้องเรียนที่ Seattle Colleges

◾️ ตั้งอยู่ในรัฐวอชิงตันของสหรัฐอเมริกา และเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ เช่น Amazon, Microsoft, Google และ Starbucks
◾️ มีหลักสูตร University Transfer (2+2) Program โดยใช้เวลา 2 ปีแรกเรียนที่ Community College และรับวุฒิ Associate’s Degree จากนั้นโอนหน่วยกิตมาเรียนต่อปีที่ 3 และ 4 ในมหาวิทยาลัยที่อเมริกาและรับวุฒิ Bachelor’s Degree ได้
◾️ มีหลักสูตร Associate Degree สามารถเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ทั่วสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่ยอมรับทั่วโลก เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า และประหยัดค่าใช้จ่าย
◾️ มีหลักสูตร International High School Completion เป็นหลักสูตรที่ได้รับประกาศนียบัตร Associate Degree และมัธยมปลาย High School Diploma ในเวลาเดียวกัน โดยใช้ระยะเวลาเรียนเพียง 2 ปี ซึ่งหลักสูตรนี้เปิดสอนเฉพาะรัฐวอชิงตันเท่านั้น
◾️ มีหลักสูตรปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ Intensive English และ College Bridge เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น จนถึงระดับสูง
◾️ อาจารย์ทุกท่านสำเร็จการศึกษาอย่างน้อยระดับสูง มั่นใจได้ในคุณภาพการศึกษา และเจ้าหน้าที่ที่ให้คำปรึกษามีความสามารถพร้อมช่วยเหลือในทุกขั้นตอน แก่นักศึกษาต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นด้านที่พักอาศัย และการย้ายถิ่นฐาน
◾️ เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทโบอิ้ง The Boing Company ผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานและยุทโธปกรณ์ ร่วมมือกันพัฒนาหลักสูตรกับ Seattle College ผ่านโครงการ Learning Together Program
◾️ Seattle Colleges เป็นวิทยาลัยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีนักศึกษาต่างชาติจากหลากหลายประเทศทั่วโลก
◾️ Seattel College ประกอบด้วย 3 วิทยาลัยด้วยกันคือ Seattle Central College, North Seattle College และ South Seattle College  ปัจจุบันมีนักศึกษามากกว่า 45,000 ในแต่ละปี

SEATTLE COLLEGES


Seattle Colleges เป็นกลุ่มวิทยาลัยแห่งแรกของเมืองซีแอทเทิล รัฐวอชิงตัน ก่อตั้งเมื่อปี 1966 ประกอบไปด้วย Seattle Central College, North Seattle College และ South Seattle College มีหลักสูตรการศึกษาคุณภาพสูง ทั้งระดับ Associate Degree, Bachelor Degree และ Certificate เป็นส่วนหนึ่งของระบบ Washington State Board for Community (SBCTC) เปิดสอนหลักสูตร International High School Completion ซึ่งเป็นหลักสูตรพิเศษที่สามารถข้ามการเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 – 6 หรือ Grade 11 – 12 ได้เลย ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้เร็วขึ้น 2 ปี และสำเร็จการศึกษาก่อนอายุ 20 ปี และมีเฉพาะในรัฐวอชิงตันเท่านั้น
Seattle Colleges มีหลักสูตรให้เลือกเรียนหลากหลาย โดยแบ่งออกเป็นหลักสูตรปริญญาตรี Bachelor’s Degree 3 หลักสูตร หลักสูตรอนุปริญญา Associate Degree 29 หลักสูตร และประกาศนียบัตรวิชาชีพ Professional Certificate อีก 16 หลักสูตร โดยนักศึกษากว่า 50% กำลังเลือกเรียนหลักสูตร Associate Degree เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเทียบโอนหน่วยกิต Transfer Credit เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย สำหรับนักศึกษาต่างชาติ Seattle Colleges เปิดสอนหลักสูตรปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษด้วย
จุดแข็งของ Seattle Colleges คือเน้นผลลัพธ์ทางวิชาการ Academic Result อาจารย์ผู้สอนเป็นผู้มีชื่อเสียงในระดับประเทศ มีผลงาน รางวัล และประกาศนียบัตรการันตีมากมาย และนักศึกษาเกือบ 100% ประสบความสำเร็จในด้านในการย้ายเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะ University of Washington นอกจากนี้ Seattle Colleges เป็นหนึ่งในวิทยาลัยที่มีความหลากหลายมากที่สุดในรัฐวอชิงตัน
SEATTLE COLLEGES ประกอบด้วยวิทยาลัย 3 แห่ง ในเมืองซีแอตเทิล
วิทยาลัยทั้ง 3 แห่ง คือ Seattle Central College, North Seattle College และ South Seattle College
Seattle Central College
Location: 1701 Broadway, Seattle, WA 98122
Seattle Central College ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่าน Capitol Hill ล้อมรอบด้วยร้านกาแฟ ร้านค้า ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด สวนสาธารณะในเมือง และอื่น ๆ ทั้งหมดอยู่ในระยะทางที่สามารถเดินไปได้ นั่งรถไฟใต้ดินจาก Seattle Central College ไปถึง Downtown ใน 2 นาที ถึง University of Washington ใน 3 นาทีและ Seattle–Tacoma International Airport ใน 30 นาที เหมาะสำหรับนักศึกษาที่ชื่นชอบความตื่นเต้นของชีวิตในเมือง

North Seattle College
Location: 9600 College Way North, Seattle, WA 98103
ที่ตั้งที่โดดเด่นของ North Seattle College ทำให้นักเรียนทั้งที่อยู่ในเขตที่อยู่อาศัยและในเขตเมืองสามารถเดินหรือขี่จักรยานได้ ตัววิทยาลัยผสมผสานองค์ประกอบของเมืองและธรรมชาติ ศูขนส่งสาธารณะอยู่ในระยะที่สามารถเดินได้ และให้บริการรถโดยสารประจำทางและรถไฟใต้ดินทั่วเมือง ใช้เวลาเพียง 9 นาที โดยรถไฟใต้ดินไปยัง University of Washington 15 นาที ไปยัง Downtown และไม่ถึง 1 ชั่วโมง ไปยัง Seattle–Tacoma International Airport เหมาะสำหรับนักศึกษา ที่ชอบความสะดวกสบาย และการผสมผสานระหว่างเมืองที่คึกคักกับการใช้ชีวิตแบบสโลวไลฟ์
South Seattle College
Location: 6000 16th Avenue SW, Seattle, WA 98106
สภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายและสงบ ห่างไกลจากความแออัดและเสียงรบกวนของชีวิตในเมือง กลับเข้าไปในใจกลางเมือง Seattle ด้วยรถประจำทาง ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที ภายในมหาวิทยาลัยมีทัศนียภาพแบบพาโนรามิกของเส้นขอบฟ้าของเมืองซีแอตเทิล สนามหญ้าที่กว้างขวาง สวนที่ได้รับการตกแต่ง และการเข้าถึงเส้นทางธรรมชาติในท้องถิ่นหลายแห่ง : Lincoln Park ที่อยู่ใกล้ ๆ ขี่จักรยานไป Alki Beach หรือนั่ง Water Taxi ไปที่ Pike Place Market เหมาะสำหรับนักศึกษาที่สนใจการใช้ชีวิตใกล้ชิดชุมชน บนวิทยาเขตที่มีความสงบและสวยงาม

Benefits ของ Community College

Seattle Colleges ทั้ง 3 แห่ง ได้รับการสนับสนุน และรับรองโดย Northwest Commission on Colleges and Universities (NWCCU) รวมทั้งสภาการรับรองระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษา Council for Higher Education Accreditation และกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐอเมริกา DS Department of Education แสดงให้เห็นว่า วิทยาลัยมีทรัพยากรที่มีคุณภาพ และหลักสูตรเหมาะสม และผลการเรียนของนักศึกษาอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ

เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับบริษัท BOEING COMPANY

บริษัทโบอิ้ง The Boing Company เป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานและยุทโธปกรณ์ ซึ่งได้ร่วมมือพัฒนาหลักสูตรกับ Seattle College ผ่านโครงการ Learning Together Program ซึ่งเปิดสอนเกี่ยวกับการบิน เทคโนโลยีการบิน ธุรกิจการบิน วิศวกรรมการบิน และหลักสูตรอื่นๆ อีกมากมาย

หลักสูตรที่เปิดสอนที่ Seattle Colleges

หมายเหตุ: อักษรย่อหลังชื่อหลักสูตร คือวิทยาเขตที่เปิดสอน โดย
◾ C ย่อมาจาก Seattle Central College
◾ N ย่อมาจาก North Seattle College
◾ S ย่อมาจาก South Seattle College

1. หลักสูตรอนุปริญญา Associate Degree

Arts, Design and Graphics
หลักสูตรศิลปะ การออกแบบ และกราฟิกดีไซน์ เช่น การออกแบบภาพ 2 มิติ และ 3 มิติ การออกแบบกราฟิกโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ รวมถึงการสร้างศิลปะทางเสียง เช่น เสียงประกอบ เอฟเฟค รวมถึงการทำเพลง

Business and Accounting
หลักสูตรบริหารธุรกิจ และการบัญชี เกี่ยวกับการบริหารธุรกิจ เช่น ธุรกิจร้านค้าปลีก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การบริหารธุรกิจในระดับนานาชาติ เศรษฐศาสตร์ และอื่นๆ เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดระเบียบ วางแผนการจัดการองค์กร
Hospitality and Wine
หลักสูตรการทำอาหาร และการบริการ เหมาะกับเจ้าของร้านอาหาร หรือวางแผนที่จะทำงานในภัตราคาร โรงแรม 5 ดาว  มีสาขาการทำอาหาร สาขาการบริการการโรงแรม Hospitality Management และสาขาย่อยอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การทำขนมหวาน และขนมปัง รวมถึงหลักสูตรไวน์ศึกษา

Education and Human Services
หลักสูตรเกี่ยวกับการศึกษา และการบริการทางสังคม ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ การดูแลเด็ก รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ ตั้งแต่การศึกษา สวัสดิการขั้นพื้นฐาน สาธารณะสุข การพัฒนาเด็กและครอบครัว
Health and Medical
หลักสูตรเกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์ มีโอกาสในด้านการงาน และเติบโตเร็วที่สุด เน้นไปที่การวินิจฉัยการรักษาโรค การวิจัยวัคซีนใหม่ในห้องแล็บ การดูแลสุขภาพในช่องปาก รวมถึงการพัฒนาสุขภาพ การออกแบบแผนการออกกำลังกาย โภชนาการศาสตร์ และหลักสูตรอื่นๆ อีกมากมาย มีห้องปฏิบัติการ มีการฝึกงานในคลินิก
Science, Technology, Engineering and Math
หลักสูตร STEM (Science, Technology, Engineering, and Math) ขับเคลื่อนนวัตกรรมของโลก ด้วยหลักสูตรที่ท้าทาย เช่น ชีววิทยาศาสตร์ เคมีศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์และอวกาศ ภูมิศาสตร์ และหลักสูตรอื่นๆ อีกมากมาย
Skilled Trades and Technical Training
หลักสูตรเกี่ยวกับ Skilled Trade and Technical Training เป็นหลักสูตรที่เน้นสำหรับการพัฒนาทักษะวิชาชีพ เพื่อการทำงานด้านทักษะในอนาคต เช่น ช่างเชื่อม การก่อสร้าง เทคโนโลยียานยนต์ เทคโนโลยีการบิน การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องจักรกลหนัก ภูมิทัศน์ การต่อเรือ และหลักสูตรอื่นๆ อีกมากมาย

2. หลักสูตร University Transfer (2+2) Programe

หลักสูตร University Transfer (2+2) Program คือโปรแกรมการเรียนที่เกิดจากความร่วมมือของ Community College กับ University ในสหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลา 2 ปีแรกเรียนที่ Community College และรับวุฒิ Associate’s Degree จากนั้นโอนหน่วยกิตมาเรียนต่อปีที่ 3 และ 4 ในมหาวิทยาลัยที่อเมริกาและรับวุฒิ Bachelor’s Degree ซึ่งโปรแกรมเรียนนี้จะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการเรียน 4 ปีเต็มที่มหาวิทยาลัย เนื่องจากค่าธรรมเนียมการศึกษาใน Community College จะไม่สูง สมัครเรียนเข้าง่ายกว่า มีโปรแกรมที่ช่วยเหลือนักเรียนด้านทักษะภาษาอังกฤษ มีห้องเรียนที่มีจำนวนผู้เรียนน้อยกว่า และมีการดูแลนักเรียนที่เข้มข้นจริงจัง เพิ่มเกรดเฉลี่ยก่อนเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้
หลักสูตรปริญญาตรีที่อเมริกา สามารถสำเร็จการศึกษาได้ในระยะเวลา 4 ปี แต่แทนที่จะใช้เวลาทั้งหมด 4 ปี ในมหาวิทยาลัย นักศึกษาสามารถเลือกเรียนหลักสูตร 2+2 University Transfer System เพื่อใช้ระยะเวลา 2 ปีแรก ในวิทยาลัย เพื่อสำเร็จการศึกษาในระดับ Associate Degree หลังจากนั้นเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอีก 2 ปี ที่เหลือ เพื่อสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี Bachelor Degree ซึ่งวิธีนี้จะทำให้นักศึกษามีความพร้อมสำหรับการเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

ความคุ้มค่าเมื่อเรียนหลักสูตร 2+2 University Transfer System

ความคุ้มค่าหลักเมื่อเลือกเรียนหลักสูตรนี้คือ ค่าธรรมเนียมไม่สูง ชั้นเรียนขนาดเล็ก และการรับเข้าเรียนที่ยืดหยุ่น ซึ่งในแต่ละปี 45% ของนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาในสหรัฐอเมริกา เลือกเข้าเรียนหลักสูตรนี้ ก่อนที่จะเทียบโอนหน่วยกิตเข้าหรัยนต่อในระดับมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ นักศึกษาต่างชาติกว่า 85,000 ต่อปี เลือกลงเรียนที่ Community College เพื่อเข้าระบบ 2+2 University Transfer System แทนที่จะเลือกเรียนแบบ 4 ปี โดยตรง

3. หลักสูตร High School Completion Program (จบมัธยมปลายและวิทยาลัยพร้อมกัน)

หลักสูตร High School Completion Program เป็นหลักสูตรสำหรับนักเรียนอายุ 16 ถึง 21 ปี ที่ยังเรียนไม่จบมัธยมปลาย แต่ต้องการเข้าเรียนต่อต่อในระดับอุดมศึกษาในอเมริการวดเร็วขึ้น โดยเมื่อเข้าเรียนโปรแกรมนี้ ผู้เรียนจะได้เรียนต่อในหลักสูตร Associate Degree ในสาขาที่ตนเองต้องการเรียนต่อ ในขณะเดียวกันก็จะได้รับหน่วยกิตของหลักสูตรมัธยมปลายของรัฐวอชิงตันด้วย
High School Completion Plus สามารถข้ามไปหนึ่งหรือสองปีของโรงเรียนมัธยม และสามารถเข้าเรียนหลักสูตร Associate Degree ของทาง Seattle Colleges ได้เลย แต่จะได้รับเครดิตของหลักสูตร High School ด้วย เมื่อสำเร็จการศึกษา จะได้ประกาศนียบัตรอนุปริญญา Associate Degree และประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย High School Diploma
เรียน 1 วิชา แต่ได้รับเครดิต 2 วิชา ทำให้เมื่อสำเร็จการศึกษา ผู้เรียนจะได้รับวุฒิการศึกษา 2 วุฒิการศึกษา คือ อนุปริญญา (Associate Degree) ควบคู่ไปกับหลักสูตรมัธยมปลาย (High School Program) ที่ออกให้โดยออกให้โดยรัฐ Washington State ประเทศสหรัฐอเมริกา และสามารถโอนหน่วยกิตเพื่อเรียนต่อสมัครเรียนต่อปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยในอเมริกาอีกแค่ 2 ปี ในปีที่ 3 – 4 ปี ซึ่งจะช่วยให้เรียนจบปริญญาตรีได้ในอายุ 20 ปี

4. หลักสูตรปริญญาตรี Bachelor’s Degrees

Seattle Colleges เปิดสอนระดับปริญญาตรีเพื่อสร้างเส้นทางการศึกษาต่อยอดจากปริญญาเทคนิค 2 ปีและขยายโอกาสในการทำงาน โดยหลักสูตรปริญญาตรีที่ Seattle Colleges จะเป็นการเรียนต่อยอดจากหลักสูตร Associate Degree

5. หลักสูตรภาษาอังกฤษคุณภาพสูง

Seattle Colleges Institute of English (SCIE) เปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษคุณภาพสูง มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่มีคุณภาพแก่นักศึกษาต่างชาติที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาในหลักสูตรประกาศนียบัตรหรือปริญญาที่ Seattle Colleges โดยเปิดสอนที่ Seattle Central College
◾ คณาจารย์มีประสบการณ์ระดับปริญญาโทด้านภาษาอังกฤษหรือการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง (TESOL)
◾ ได้รับสิทธิ์ใช้สิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรมและบริการของ Seattle Central อย่างเต็มที่ รวมถึงการให้คำปรึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะ
◾ เมื่อสำเร็จการศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษ ได้รับสิทธิ์ในการลงทะเบียนที่ Seattle Colleges ทั้ง 3 แห่ง โดยไม่ต้องทดสอบภาษาอังกฤษเพิ่มเติม

6. หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น Intensive English

หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น Intensive English ได้รับการออกแบบมาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ที่ยังไม่มีคะแนนภาษาอังกฤษ คะแนนภาษาอังกฤษไม่ถึงเกณฑ์ หรือต้องการปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับเริ่มต้น เนื้อหาการเรียนการสอน มุ่งเน้นไปที่การใช้ภาษาอังกฤษในทุกด้าน คือ การฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด เสริมด้วยทักษะการโต้ตอบ การสำเสนอ โดยหลักสูตร 20 ชั่วโมง / สัปดาห์ ในเทอม Fall, Winter, Spring และ 25 ชั่วโมง / สัปดาห์ ในเทอม Summer

7. College Bridge

หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบ College Bridge เป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ที่กำลังวางแผนเข้าเรียนในวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยโดยตรง แต่ยังคงต้องพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษก่อน เหมาะสำหรับผู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษระดับกลางขึ้นไป หรือต่อยอดจากหลักสูตร Intensive English ในขณะที่เรียนภาษา นักศึกษาจะได้เรียนวิชาในระดับวิทยาลัยด้วย โดยในเมื่อระดับภาษาอังกฤษ พัฒนาจนถึง Level 6 นักศึกษาจะเข้าเรียนวิชาในระดับวิทยาลัยเกือบจะทั้งหมด และ ได้เรียบภาษาอังกฤษเพียงเล็กน้อย ซึ่งหลักสูตรนี้ จะค่อยๆ ปรับภาษาอังกฤษให้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ก็จะเก็บเครดิตในระดับวิทยาลัยไปด้วย

สิ่งอำนวยความสะดวกและที่พักของ Seattle Colleges

สิ่งอำนวยความสะดวก
◾️ บริการสำหรับนักศึกษาต่างชาติ – วิทยาลัยทั้ง 3 แห่ง มีบริการแนะแนว และให้คำปรึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ รวมถึงการรับเข้าเรียน ให้คำปรึกษาด้านวีซ่าและการย้ายถิ่นฐาน ให้คำปรึกษาด้านวิชาการ กิจกรรมทางสังคม การเดินทาง และการเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
◾️ ศูนย์ให้คำปรึกษาทางวิชาการ – ช่วยเหลือนักศึกษาในการให้คำปรึกษาด้านวิชาการ ให้เหมาะสมกับผู้เรียน และวางแผนการเรียนให้ถึงเป้าหมายที่คาดหวังไว้
◾️ กิจกรรมนอกหลักสูตร – ทางวิทยาลัยมีกิจกรรม และชมรมมากมายทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน มีสโมสรนักศึกษา องค์กรนักศึกษา และชมรมอาสาสมัครมากมายที่จะช่วยให้สัมผัสชีวิตของอเมริกา
◾️ การจ้างงาน – นักศึกษาต่างชาติที่ถือวีซ่านักเรียน F-1 สามารถทำงานระหว่างเรียน On Campus โดยทั้ง 3 วิทยาลัย มีงานรองรับมากมาย แต่นักศึกษาก็ต้องมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ นักศึกษายังสามารถเข้าร่วมสหกิจศึกษาได้ด้วย
◾️ อาหาร & เครื่องดื่ม – มีร้านอาหาร และร้านเครื่องดื่มมากมายในวิทยาเขต ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารเช้า ร้านอาหารกลางวัน ร้านอาหารเย็น ร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ และโรงอาหารประจำวิทยาลัยในราคาประหยัด
◾️ มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาด้านการเทียบโอนหน่วยกิต – เมื่อสำเร็จการสึกษา มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาด้านการเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย และหากนักศึกษาต้องการทำงานหลังเรียนจบ ก็มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาด้านการจัดหางานอย่างเต็มที่ รวมถึงให้คำปรึกษาด้านการย้ายถิ่นฐาน
◾️ บริการสำหรับผู้ทุพพลภาพ – Disability Services (DS) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ Student Success Services ที่ North Seattle College DS ให้การเข้าถึงที่เท่าเทียมกันสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางเอกสารและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคนพิการของชาวอเมริกัน
ที่พักนักศึกษาของ Seattle Colleges
◾️ On-Campus Housing Seattle Central มีที่พักในมหาวิทยาลัยสำหรับนักศึกษาต่างชาติของ Seattle Colleges ใน The Studios on Broadway อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนจากอาคารห้องเรียนของ Seattle Central เปิดให้บริการสำหรับนักศึกษาจากทั้ง 3 วิทยาเขต จัดหาที่พักรวมสำหรับนักเรียนเกือบ 80 คน โดยนักศึกษาจะต้องมีอายุอย่างน้อย 17 ปีบริบูรณ์ภายในวันที่ย้ายเข้า และมีความรับผิดชอบที่จะใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง ทุกห้องมีเตียง โต๊ะ เก้าอี้ และตู้เสื้อผ้าของแต่ละคน มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง พื้นที่นั่งเล่นรวม มีห้องครัวพร้อมเตาและตู้เย็น ห้องน้ำพร้อมฝักบัว และพื้นที่เก็บของ สตูดิโออยู่ใกล้ ร้านขายของชำและร้านอาหาร สามารถเดินไปได้ 
◾️ Off-Campus Housing ที่พักนอกมหาวิทยาลัยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ระหว่าง 500 ถึง 1,200 เหรียญ สำหรับบ้านพักรวม และ 1,500 ถึง 2,500 เหรียญ ขึ้นไป สำหรับห้องสตูดิโอ 1 และ 2 ห้องนอน 
◾️ Homestay นักศึกษาจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมอเมริกัน ค่าใช้จ่ายโฮมสเตย์มีตั้งแต่ 250 ถึง 350 เหรียญ สำหรับการจัดหาที่พัก ซึ่งรวมถึงค่าบริการรับส่งที่สนามบินด้วย ค่าใช้จ่ายรายเดือนโดยเฉลี่ยประมาณ 1,000 เหรียญ สำหรับค่าที่พักและอาหาร โฮมสเตย์โดยทั่วไป ได้รับ อาหาร บริการซักรีด และสาธารณูปโภค 

เรียนต่อ SEATTLE COLLEGES เตรียมตัวอย่างไร?

คุณสมบัติเรียนเบื้องต้น

หลักสูตร Associate Degree

◾️  อายุ 16 ปีขึ้นไป สำหรับหลักสูตร International High School Completion และ 18 ปีขึ้นไป สำหรับหลักสูตร Associate Degree
◾️  สำเร็จการศึกษาอย่างน้อยระดับมัธยมต้น หรือมีวุฒิการศึกษา GED
◾️ คุณสมบัติทางภาษาอังกฤษ ดังนี้
TOEFL iBT 64, Writing 17
หรือ IELTS 6.0, Writing 5.0
หรือ SAT 510 in Reading and Writing
หรือ ACT 19 for both English and Reading
หรือ TOEFL PBT 507, Writing 4.0
หรือ U.S. high school graduation with GPA of at least 2.0
หรือ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายกับสถาบันที่ได้รับการรับรองในออสเตรเลีย แคนาดา หรือประเทศอื่นๆ ที่พูดภาษาอังกฤษ เช่น ไอร์แลนด์ เคนยา นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา หรือซิมบับเว
มีวีซ่านักเรียนที่ถูกต้องตามกฏหมาย นักศึกษาต่างชาติที่เดินทางมาศึกษาศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา จะต้องถือวีซ่านักเรียน F
นักศึกษาต่างชาติจะต้องรักษาผลการเรียนเต็มเวลา 12 หน่วยกิต หรือมากกว่าต่อภาคการศึกษาสำหรับภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วง Fall และฤดูใบไม้ผลิ Spring สำหรับภาคการศึกษาฤดูหนาว Winter และฤดูร้อน Summer ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเรียนครบ 12 หน่วยกิต และการศึกษานอกหลักสูตร เช่น การเรียนพิเศษ หรือหลักสูตรระยะสั้นจะไม่นับหน่วยกิตรวมในการศึกษาหลัก

ทำความรู้จักกับเมือง Seattle, Washington

Seattle (ซีแอตเทิล) เป็นเมืองศูนย์กลางที่มีความเป็นสากล ล้อมรอบด้วยน้ำ ป่าไม้ และภูเขา ในฐานะเมืองท่าสำคัญและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของ Washington (รัฐวอชิงตัน) ซีแอตเทิลไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคโนโลยี การดูแลสุขภาพ การศึกษา และศิลปะอีกด้วย ประชากรที่หลากหลาย ทำให้เกิดความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นในธุรกิจ ร้านอาหาร กิจกรรม และดนตรี
Seattle (ซีแอตเทิล) อยู่บนชายฝั่งทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา บนคอคอดระหว่าง Puget Sound (ทางเข้าของมหาสมุทรแปซิฟิก) และ Washington Lake ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา อยู่ห่างจากชายแดนแคนาดาประมาณ 160 ก.ม. มีประชากรทั้งหมด 733,919 แสนคน Seattle (ซีแอตเทิล) เป็นประตูการค้าที่สำคัญกับเอเชียตอนเหนือ มีท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ในอเมริกา
ในปีที่ 2016 ซีแอตเทิลได้รับเลือกให้เป็นเมืองที่เจริญเติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีอัตราการเติบโตปีละ 3.1% อุตสาหกรรมป่าไม้ เป็นอุตสาหกรรมหลักของซีแอตเทิล หลังจากนั้นในช่วงยุค Gold Rush ซีแอตเทิลเป็นศูนย์กลางการค้าและการต่อเรือเพื่อเปิดประตูสู่อลาสก้า เป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องบินโบอิ้ง และพัฒนาเรื่อยมาจนถึงปี 1980 บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ได้ก่อตั้งที่นี่ เช่น Microsoft, Amezon ซึ่งนำไปสู่การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ ทำให้ประชากรเมืองเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 40 ปี ที่ผ่านมา
สภาพอากาศเมืองซีแอตเทิล
ซีแอตเทิล มีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน แต่จะมีอากาศที่หนาวเย็นกว่า ฤดูหนาวหนาวจัด และมีความชื้นสูง มีระยะเวลา 3.6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน ถึง 1 มีนาคม ฤดูร้อนค่อนข้างแห้งและอุณหภูมิยังถือว่าค่อนข้างเย็น มีระยะเวลา 2.8 เดือน ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน ถึง 13 กันยายน บางครั้งอาจเรียกได้ว่าเป็น Modified Mediterranean เนื่องจากมีอากาศที่เย็นกว่า ในอเมริกาทำให้ซีแอตเทิลมีชื่อเสียงในเรื่องฝนตกบ่อย ในแต่ละปีโดยเฉลี่ยปริมาณน้ำฝนอย่างน้อย 0.01 นิ้ว (0.25 มม.) จะตกใน 150 วันมากกว่าเมืองเกือบทั้งหมดของสหรัฐฯทางตะวันออกของเทือกเขาร็อกกี
ช่วงที่อากาศแจ่มใสที่สุดของปีในซีแอตเทิลเริ่มประมาณ 13 มิถุนายน และนาน 3.8 เดือน สิ้นสุดประมาณ 8 ตุลาคม วันที่ 3 สิงหาคม วันที่อากาศแจ่มใสที่สุดของปี ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ปลอดโปร่งเป็นส่วนใหญ่ หรือมีเมฆเป็นบางส่วน 75% ของเวลาทั้งหมด และมีเมฆมากหรือมีเมฆมากเป็นส่วนใหญ่ 25% ของเวลาทั้งหมด ส่วนที่มีเมฆมากขึ้นของปี เริ่มประมาณ 8 ตุลาคม และสิ้นสุดประมาณ 13 มิถุนายน วันที่ 19 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่เมฆมากที่สุดของปี ท้องฟ้าครึ้มหรือมีเมฆมากเป็นส่วนใหญ่ 72% ของเวลา และอากาศปลอดโปร่งเป็นส่วนใหญ่ หรือมีเมฆเป็นบางส่วน 28% ของเวลาทั้งหมด
การศึกษาในเมืองซีแอตเทิล
การศึกษาในซีแอตเทิลเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของชาวซีแอตเทิล ประชากรในเมืองสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปร้อยละ 91.9 (เทียบกับร้อยละ 84.5 ทั่วประเทศ) นอกจากสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพสูง ระบบการศึกษาเมืองซีแอตเทิล และเมืองอื่นๆ ในรัฐวอชิงตันยังมีคุณภาพสูงมาก มีหลักสูตรการศึกษาสำหรับผู้สูงวัย และมีระบบการศึกษาแบบ Homeschooling จึงทำให้เมืองซีแอตเทิล เป็นเมืองที่มีอัตราการรู้หนังสือมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา (จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Central Connecticut State University)
University และ Colleges
ซีแอตเทิลเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา นั่นคือ University of Washington (มหาวิทยาลัยวอชิงตัน) นอกจากคุณภาพการศึกษาที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่งเช่น Seattle University และ Seattle Pacific University
Seattle College เป็นกลุ่มวิทยาลัยชุมชนที่ประกอบด้วย 3 วิทยาลัย คือ Seattle Central College, North Seattle College, และ South Seattle College และมีศูนย์วิจัยเฉพาะทางอีก 5 แห่ง ครอบคลุมทั่วพื้นที่เมืองซีแอตเทิล
ระบบขนส่งสาธารณะใน Seattle (ซีแอตเทิล)
◾ Bus King County Metro ให้บริการระบบรถโดยสารประจำทางในเมืองทั่ว Seattle (ซีแอตเทิล) ทุกวิทยาเขตสามารถเข้าถึงได้โดยรถบัส
◾ Train รถไฟฟ้ารางเบา Link จากสนามบิน Sea-Tac ที่วิ่งผ่านทางใต้ของซีแอตเทิล ตัวเมือง Capitol Hill และจนถึง University of Washington (มหาวิทยาลัยวอชิงตัน)
◾ Ferry เรือข้ามฟากของ Washington (รัฐวอชิงตัน) เสนอบริการสัญจรตลอดทั้งวันไปยังเกาะและเมืองต่างๆ รอบ Puget Sound
◾ Bike การขี่จักรยานเป็นวิธีการเดินทางยอดนิยมในซีแอตเทิล บริษัทแชร์จักรยานหลายแห่งให้บริการสำหรับผู้ที่ไม่มีจักรยานเป็นของตัวเอง
◾ Tram ปัจจุบันซีแอตเทิล มีรถราง (รถราง) สองสาย คันหนึ่งเดินทางผ่านย่าน First Hill และอีกคันหนึ่งระหว่าง South Lake Union และตัวเมือง
◾ Water Taxi คิงเคาน์ตี้ให้บริการแท็กซี่น้ำ (วอล์คออนเท่านั้น) ระหว่างเวสต์ซีแอตเทิลและตัวเมืองซีแอตเทิล และระหว่างเกาะวาชอนและตัวเมืองซีแอตเทิล
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเมืองซีแอตเทิล
◾ Space Needle – สร้างขึ้นสำหรับงาน World’s Fair ปี 1962 เป็นหอคอยที่มีความสูง 605 ฟุต ปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง และเป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
◾ Seattle Center Monorail – ของที่ระลึกจากงาน World’s Fair อีกชิ้นหนึ่ง ที่เชื่อมระหว่าง Space Needle และสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นอื่นๆ อีกหลายแห่ง เส้นทางประมาณหนึ่งไมล์
◾ Museum of Pop Culture (MoPOP) – พิพิธภัณฑ์จัดแสดงดนตรี นวนิยาย และวัฒนธรรมป๊อบ
◾ Pacific Science Center – ศูนย์วิทยาศาสตร์แปซิฟิค สำรวจกาแลคซี่ทั้งใกล้และไกลในท้องฟ้าจำลอง ใกล้ชิดกับสิ่งมีชีวิตหลากสีสันใน Tropical Butterfly House และการทดลองสนุกๆ อีกมากมาย
◾ Chihuly Garden and Glass – พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อุทิศให้กับ Dale Chihuly นักเป่าแก้วที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นคอลเล็กชั่นงานศิลปะที่ครอบคลุมที่สุดจนถึงปัจจุบัน โดยมีแกลเลอรีที่มีผลงานหลากหลายในรูปแบบสื่อ pièce de résistance เป็นเรือนกระจกที่มีประติมากรรมยาว 100 ฟุตสีสันสดใสในเฉดสีแดง สีส้ม และสีเหลืองที่ห้อยลงมาจากเพดาน
◾ Pike Place Market – เป็นที่ตั้งของร้านกาแฟสตาร์บัคส์ดั้งเดิมที่มีชื่อเสียง มีร้านค้าบูติกที่มีช่างฝีมือท้องถิ่นกว่า 225 คนที่ขายสินค้าของตน และมีการแสดงเปิดหมวกระหว่างสองข้างถนน
◾ Seattle Art Museum พิพิธภัณฑ์ศิลปะซีแอตเทิล เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซึ่งมีอายุย้อนไปถึงช่วงทศวรรษที่ 1930 และจัดแสดงคอลเล็กชันงานศิลปะที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมหลายยุคสมัยและตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ อย่าลืมใช้เวลาเยี่ยมชม Olympic Sculpture Park ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายกลางแจ้งของพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ฟรีที่ริมน้ำประมาณ 1 ไมล์
◾ Central Public Library – หอสมุดกลางซีแอตเทิลที่รายล้อมด้วยกระจกมากมาย เมื่อเรียงต่อกัน สามารถครอบคลุมสนามฟุตบอลมากกว่า 5 แห่ง
◾ Smith Tower – เยี่ยมชมตึกระฟ้าแห่งแรกของเมือง ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1914 และลองขึ้นลิฟต์ที่เก่าแก่ซึ่งเป็นระบบแมนนวล เพื่อไปยังหอดูดาวบนชั้น 35 ซึ่งมีทิวทัศน์แบบ 360 องศา การจัดแสดงบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครที่สร้าง Smith Tower อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ขณะที่บาร์ Temperance ในธีม Prohibition ของหอคอยให้บริการค็อกเทลตามธีม
◾ Seattle Aquarium – พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซีแอตเทิลที่ท่าเรือ 59 ริมน้ำ พบสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดในมหาสมุทรแปซิฟิก ดูนักดำน้ำให้อาหารปลา ดูฉลามที่แหวกว่ายอยู่เหนือศีรษะในโดมใต้น้ำ และสัมผัสดอกไม้ทะเล
◾ Washington State Ferries – การโดยสารเรือข้ามฟาก Puget Sound เป็นประสบการณ์ที่สำคัญในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งจากหัวเรือในขณะที่คุณล่องเรือไปยังชุมชนใกล้เคียงของเกาะเบนบริดจ์หรือเบรเมอร์ตัน นี่เป็นหนึ่งในกรณีที่การเดินทางนั้นสนุกพอๆ กับจุดหมายปลายทาง
◾ Museum of Flight – สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการบิน เป็นพิพิธภัณฑ์การบินเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นอากาศและอวกาศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีสิ่งต่างๆ ให้ดูมากมาย เช่น เครื่องบินสำรวจดวงจันทร์ของโบอิ้งและ Air Force One จากยุคไอเซนฮาวร์ รวมถึงทัวร์การฝึกกระสวยอวกาศของ NASA และโปรแกรมจำลองการบินเสมือนจริง
◾ Woodinville Wine Country – ด่านเก็บไวน์ของ Western Washington อยู่ใน Woodinville  ขับรถเพียง 30 นาทีจากตัวเมืองซีแอตเทิล มีโรงบ่มไวน์และห้องชิมมากกว่า 100 แห่ง รวมถึง Chateau Ste. Michelle ซึ่งเป็นโรงบ่มไวน์แห่งแรกของรัฐวอชิงตัน
◾ The Future of Flight Aviation Center & Boeing Tour – โรงงานโบอิ้ง ซึ่งเป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อดูเครื่องบิน 747s, 777 และ Dreamliners ที่กำลังสร้าง  เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความก้าวหน้าของเครื่องบิน
◾ Pioneer Square – ย่านใจกลางเมืองดั้งเดิมของซีแอตเทิลเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ที่สวยงามในสไตล์ฟื้นฟูโรมาเนสก์ ทัวร์ใต้ดินไปตามท้องถนนเพื่อชมซากอาคารแรกๆ ของเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่ ตลอดจนร้านค้าและร้านอาหารสุดฮิปที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ สำรวจอาคารที่ปกคลุมด้วยไม้เลื้อยของ Pioneer Square และแวะเข้าไปในบาร์ ร้านบูติก และอัญมณี เช่น Waterfall Garden Park
◾ Chinatown-International District – ประตูไชน่าทาวน์อันวิจิตรตระการตา ภายในย่านแห่งนี้มีอาหารเอเชียที่น่าทึ่งตั้งแต่เฝอไปจนถึงซูชิ แวะไปที่พิพิธภัณฑ์ Wing Luke ซึ่งอุทิศให้กับประสบการณ์เอเชียแปซิฟิกอเมริกัน และเลือกซื้อขนมญี่ปุ่นและของขวัญที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต Uwajimaya